Vehicle Sales

 

 ตลาดรถยนต์ในประเทศ – สิงหาคม 2544

 

ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมในเดือนสิงหาคม 2544 ยังคงมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง (กราฟที่1) โดยยอดขายรถยนต์รวมทุกประเภทปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 3.0% m-m และ 4.3% y-y เป็น 23,645 คัน โดย โตโยต้า ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 27.1% มียอดจำหน่าย 6,404 คัน และ อีซูซุมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21.3% มียอดจำหน่าย 5,155 คัน หากวิเคราะห์แยกรายประเภทพบว่ายอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดถึง 36.8% y-y ด้วยยอดขาย 8,874 คัน ส่วนตลาดรถกระบะ 1 ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% y-y มียอดขายรวม 12,963 คัน

 

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทในงวดเดือนมกราคม – สิงหาคม 2544 มียอดจำหน่ายรวม 186,630 คัน ขยายตัว 12.9% หรือเพิ่มขึ้น 21,376 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่ผู้ผลิตรถยนต์ 5 รายใหญ่ ได้แก่ โตโยต้า อีซูซุ ฮอนด้า นิสสัน และ มิตซูบิชิ ล้วนแล้วแต่มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นเนื่องจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด จะมีเพียง มิตซูบิชิ เท่านั้นที่มียอดขายรถยนต์ลดลง 25% y-y ในขณะที่ โตโยต้า ซึ่งถึงแม้ว่ายอดขายจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่ม 7% y-y ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ที่ 26.4% ในตลาดรถยนต์รวมทุกประเภทในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2544 ในขณะที่ นิสสัน ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 4 มียอดขายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 35.7% y-y

 

สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์มียอดจำหน่ายรวมในเดือนสิงหาคมทั้งสิ้น 74,413 คัน (กราฟที่ 2) ซึ่งยังคงเป็นตัวเลขที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่มียอดขาย 72,127 คัน โดยผู้ครองตลาดอันดับ 1 ยังคงเป็น ฮอนด้า ซึ่งมียอดขายในเดือนสิงหาคม 57,151 คัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.6% m-m ในขณะที่ยอดขายของผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายอื่นไม่ว่าจะเป็น ซูซูกิ ยามาฮ่า และ คาวาซากิ ต่างมียอดขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาในอัตราส่วน 14.6%, 3.1% และ 8.9% ตามลำดับ ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของ ฮอนด้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 77% เมื่อเทียบกับ 74% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา 

 

กราฟที่ 1 : ยอดขายรถยนต์รวมในประเทศ

 

 

กราฟที่ 2 : ยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศ

 

 

จากยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทในช่วง 2 เดือนแรก (กรกฎาคม – สิงหาคม) ของไตรมาส 3/44 ที่มียอดขายรวมกัน 46612 คัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.6% หรือ 3,697 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับเดือนกันยายน คาดว่ายอดขายรถยนต์รวมอาจจะปรับตัวลดลงจากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการเกิดภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ประกอบกับเหตุความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมในสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้บริโภคอาจจะชะลอการซื้อรถยนต์ออกไป อย่างไรก็ตาม หากยอดขายรถยนต์ในเดือนกันยายนอยู่ระหว่าง 20,000 – 22,000 คัน ยอดขายรถยนต์รวมในไตรมาส 3/44 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 66,000 – 68,000 คัน โดยเป็นยอดจำหน่ายที่ลดลงจากไตรมาส 2/44 ประมาณ 13%– 16% ซึ่งเป็นไปตามวงจรของอุตสาหกรรมอันเนื่องจากมาจากผลกระทบทางฤดูกาลที่เป็นช่วงหน้าฝน อย่างไรก็ดียอดขายรถยนต์รวมจะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 4/44 เนื่องจากการจัดโปรโมชั่นในโครงการ Motor Show ในช่วงเดือนธันวาคม จึงมียอดการสั่งซื้อจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมากทำให้ยอดขายในไตรมาส 4 ของทุกปี เป็นไตรมาสที่มียอดขายสูงที่สุด โดยในปีนี้คาดว่ายอดขายในไตรมาส 4 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 77,000 คัน ซึ่งหากเป็นไปตามที่ประมาณการไว้จะส่งผลให้ยอดขายรถยนต์รวมในปี 2544 เท่ากับ 280,000 คัน ขยายตัว 7.9% เมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2543 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่ แนะนำ ได้แก่ TRU (ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 57.00 บาท) STANLY (ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 43.00 บาท) และ IRC (ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 16.00 บาท)