ผลประกอบการกลุ่มพาณิชย์ : BIGC MAKRO

 

ประเด็น

                   

Ø   ผลประกอบการไตรมาส 2/2544 กำไรสุทธิขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

Ø   การขยายสาขายังคงเป็นปัจจัยหลักของการขยายตัวของยอดขาย

Ø   BIGC มีกำไรสุทธิ 277.3 ล้านบาท (19.7%YOY) จากการขยาย 6 สาขา

Ø   MAKRO มีกำไรสุทธิ 257 ล้านบาท (2.4%YOY) จากการขยาย 2 สาขา

Ø   การแข่งขันที่รุนแรงส่งผลให้ยอดขายต่อสาขาเดิมของ MAKRO ปรับลดลง

Ø   คำแนะนำ ถือ สำหรับ MAKRO และ ซื้อ สำหรับ BIGC

 

 

BIGC

 

 MAKRO

 

Q2/01

Q2/00

%YOY

 

 Q2/01

Q2/00

%YOY

จำนวนสาขา

26

20

30.0%

 

                 20

18

11.1%

รายได้จากการขาย

7,979.6

6,108.6

30.6%

 

        9,483.6

        9,222.4

2.8%

กำไรขั้นต้น

978.3

769.6

27.1%

 

            813.5

           833.4

-2.4%

กำไรจากการดำเนินงาน

339.7

257.7

31.8%

 

            363.3

           323.4

12.4%

กำไรสุทธิ

277.3

232.5

19.3%

 

            257.5

           251.5

2.4%

EPS (บาท)

0.35

0.30

16.7%

 

              1.07

1.05

2.1%

 

 

 

 

 

 

 

 

อัตรากำไรขั้นต้น

12.3%

12.6%

 

 

8.6%

9.0%

 

ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขา

           306.9

           305.4

  

  

            474.2

           512.4

 

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)

0.26

0.15

 

 

 net cash

net cash

 

มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (บาท)

12.8

11.3

 

 

              36.2

             33.5

 

 

ความเห็นและคำแนะนำ :  ผลประกอบการไตรมาส 2/2544 ของกลุ่มพาณิชย์ทั้ง BIGC และ MAKRO ซึ่งเป็นผู้ประกอบการดิสเคาน์สโตร์ต่างมีผลกำไรสุทธิขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย BIGC มีผลกำไรสุทธิ 277.3 ล้านบาท ขยายตัว 19.3%YOY และ MAKRO มีผลกำไรสุทธิ 257.5 ล้านบาทหรือขยายตัว 2.4%YOY  ทั้งนี้การขยายตัวของทั้งสองบริษัทยังคงเป็นผลมาจากการเปิดสาขาใหม่เป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามพิจารณาจากศักยภาพในการทำกำไรระหว่างทั้งสองบริษัทพบว่า BIGC มีการขยายตัวของรายได้ที่ระดับ 30.6% ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณสาขาที่เพิ่มขึ้น 30.0% (จาก 20 สาขาเป็น 26 สาขา) ซึ่งแสดงว่าโดยเฉลี่ยยอดขายของสาขาเดิมยังไม่ได้ปรับลดลง แต่ขณะที่ MAKRO  มีการขยายตัวของรายได้เพียง 2.8% ขณะที่มีจำนวนสาขาใหม่เพิ่ม 11.1% (จาก 18 สาขาเป็น 20 สาขา) ซึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากการแข่งขันอันเนื่องมาจากการขยายตัวที่รุนแรงของกลุ่มดิสเคาน์สโตร์ประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต ได้แก่ โลตัส บิ๊กซี และ คาร์ฟู ซึงมีศักยภาพในการดึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคขั้นปลาย (end-customer) ได้ดีกว่า จึงส่งให้ยอดขายของสาขาเดิมของ MAKRO ปรับลดลง ดังนั้นแม้ว่าทั้งสองบริษัทในกลุ่มพาณิชย์จะสามารถรายงานผลกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากศักยภาพในการทำกำไรจากธุรกิจหลักที่ปรับลดลงของ MAKRO จึงยังคงแนะนำให้ ถือ สำหรับ MAKRO และแนะนำให้เปลี่ยนมาเล่น BIGC ซึ่งมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่า